4.โครงสร้างพื้นที่ได้รับความนิยม

บริษัทรับสร้างบ้านหาดใหญ่,แบบบ้านหาดใหญ่,รับสร้างบ้านหาดใหญ่,โครงพื้นที่ได้ครับความนิยม

การก่อสร้างพื้นบ้านทั่ว ๆ ไปในปัจจุบันนั้นมีโครงสร้างพื้นที่นิยมใช้กันอยู่ 2 ประเภทคือ 

พื้นสำเร็จรูป และ พื้นหล่อในที่ สำหรับพื้นสำเร็จนั้นเป็นพื้นที่นิยมใช้กันมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีความสะดวก และรวดเร็ว ในการก่อสร้าง และมีราคาประหยัด แต่สำหรับพื้นหล่อในที่ ก็ยังจำเป็นต้องใช้ในส่วน ที่เป็นห้องน้ำ หรือส่วนที่ต้องเจาะรูที่พื้น เนื่องจากพื้นสำเร็จรูปไม่นิยม และไม่ควรเจาะรูที่พื้น เพราะอาจทำให้ความแข็งแรง ของแผ่นพื้นลดลงได้ ฉะนั้นในส่วนนี้จึงยัง ต้องใช้พื้นแบบหล่อกับที่ ก่อนที่จะหล่อพื้นห้องน้ำนั้น ควรมีการเลือกสุขภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากระยะของท่อต่าง ๆ ของสุขภัณฑ์รุ่นต่าง ๆ นั้น ไม่เท่ากัน ตำแหน่งการฝังท่อ เพื่อเจาะรูที่พื้นสำหรับงานเดินท่อจึงไม่เท่ากันด้วย



พื้นสำเร็จรูป
ในสมัยก่อนเวลาจะก่อสร้างพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กจะมีขั้นตอนมากมาย ต้องตั้งไม้แบบผูกเหล็กเสริม ทำค้ำยันแล้วค่อยเทคอนกรีต และกว่าจะทำงานขั้นต่อไป ได้ต้องรออีกหลายวัน แต่ในสมัยปัจจุบัน มีการก่อสร้างพื้นโดยใช้พื้นสำเร็จรูป ซึ่งทำให้การก่อสร้าง สะดวกรวดเร็ว และประหยัดมากการใช้งานพื้นสำเร็จรูปมีวิธีการที่สะดวก ง่ายดาย กว่าการหล่อพื้นแบบปกติมาก วิธีการ คือ หล่อคานคอนกรีต เสริมเหล็ก หรือตั้งคานเหล็กเตรียมไว้แล้วค่อยวาง พื้นสำเร็จรูป พาดเรียง ระหว่างคานแล้ว ดำเนินการ ผูกเหล็กตะแกรง ด้านบนพื้น แล้วเทคอนกรีต ปรับระดับทับหน้า เมื่อคอนกรีต ทับหน้า เซ็ตตัวดีแล้วก็สามารถ ทำผิวพื้นหรือ ใช้งานได้เลย ข้อจำกัด ของพื้นสำเร็จรูป คือไม่สามารถเจาะพื้นได้ ดังนั้น ส่วนที่เป็นงาน ระบบท่อ ที่ต้อง ผ่านพื้นจะต้อง มีการวางแผนและสั่งล่วงหน้าอีกทั้ง พื้นสำเร็จจะมีการรั่วซึมน้ำ ได้ส่วนของบ้านที่เป็นห้องน้ำและระเบียงหรือ พื้นที่ต้องสัมผัสกับน้ำตลอดเวลาจึงไม่ควรใช้พื้นสำเร็จ

พื้นสำเร็จรูปมีมากมายหลายชนิด ให้เลือกใช้ ในบ้านพักอาศัยทั่วไปนั้น นิยมใช้พื้นสำเร็จรูปแบบท้องเรียบ ซึ่งใช้ได้ดีในช่วงเสา 3.5 - 4.5 เมตร ในขณะที่ แบบมีรูกลวง (hallow core) นั้นสามารถใช้ในช่วงเสาที่มีความกว้างถึง 6 -15 เมตร นิยมใช้กันใน อาคารขนาดใหญ่ ส่วนพื้นระบบ Post tension คือระบบพื้นคอนกรีตที่มีเหล็กชนิดพิเศษ ที่ออกแบบมา ให้สามารถ รับแรงดึง ได้มาก ๆ เสริมอยู่ภายใน และทำการดึงเหล็กชนิดพิเศษนั้น ให้ตึงเมื่อหล่อคอนกรีตเสร็จแล้ว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของพื้น ช่วยให้พื้นรับน้ำหนักมากขึ้น การที่มีเหล็กแรงดึงสูงเสริม และดึงอยู่ในพื้นคอนกรีต ทำให้โครงสร้างชนิดนี้มีหน้าตัดที่บางลง และไม่จำเป็นต้องมีคานมารัดหัวเสา เพื่อถ่ายน้ำหนักพื้นสู่เสาด้วย แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้กับอาคารสูง และอาคารขนาดใหญ่ ไม่ค่อยพบเห็นพื้นชนิดนี้ ในบ้านพักอาศัย เท่าใดนัก เนื่องจากต้องใช้เทคนิคการก่อสร้างชั้นสูงยุ่งยาก และมีราคาแพงมาก นอกจากกรรมวิธีการทำพื้นบ้านแบบต่าง ๆ แล้ว




ลักษณะการวางพื้นเองก็ยังแบ่งได้ 2 วิธี คือ การวางพื้นถ่ายน้ำหนักบนคาน (slab on beam) และการวางพื้นให้ถ่ายน้ำหนักบนดิน (slab on ground) โดยการวางพื้นบนดินนั้น นิยมทำกันในชั้นที่ติด กับพื้นดินที่ต้องได้รับน้ำหนักมากๆ เช่นบริเวณจอดรถ ลดปัญหา เรื่องการทรุดร้าวของโครงสร้าง และคานได้ เนื่องจากน้ำหนักพื้นทั้งหมดได้ถ่ายลงสู่พื้นดินโดยตรงนั่นเอง ในเรื่องการเทพื้นนั้น ควรเทต่อเนื่องให้เสร็จเสียทีเดียว จะเป็นการดีเพราะคอนกรีตจะได้เป็นเนื้อเดียวกัน ตามมาตรฐานแล้ว พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก จะต้องมีคอนกรีตหุ้มเหล็กเส้นไม่น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร โดยใช้คอนกรีต ที่มีอัตราส่วน ปูน : ทราย : หิน เป็น 1:2:4

วิธีตรวจสอบความแข็งแรงของพื้นกัน คำว่า พื้น ในที่นี้หมายถึง โครงสร้างพื้น ไม่ใช่ วัสดุปูพื้น หากพื้นมีความแข็งแรงไม่เพียงพอ มักจะปรากฎมีรอยร้าวให้เห็น ซึ่งส่วนมากจะเกิดขึ้นบนโครงสร้างพื้น และเป็นการบอกให้รู้ว่าโครงสร้างอาคาร หรือบ้านนั้น กำลังจะมีปัญหาอาจจะ ไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยเสียแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการแก้ไข จึงควรที่จะตรวจสอบ เพื่อหาทางป้องกัน และแก้ไขกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเกิดปัญหาลุกลามใหญ่โตกันจนแก้ไม่ทัน

ในการตรวจสอบหาสาเหตุการร้าว หรือทดสอบความแข็งแรงของพื้นนั้นบางครั้ง ก็เป็นเรื่องยากเพราะเมื่อคอนกรีตแข็งตัวแล้ว ท่านแทบจะไม่มีทางตรวจสอบองค์ประกอบภายในได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ชนิดเหล็ก ขนาดเหล็ก จำนวนเหล็ก การผูกเหล็ก จึงเป็นการป้องกันที่ดี หากคุณเอาใจใส่ดูแล ในระหว่างการก่อสร้างเป็นอย่างดีตั้งแต่แรก แต่หากไม่แน่ใจในคุณภาพการก่อสร้าง หรือมีรอยร้าวให้เห็นแล้วนั้น ในการตรวจสอบรอยร้าวนั้นก็พอจะทำได้ และวิธีที่ดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปคือ การทดสอบด้วย การเอาน้ำหนักจริงที่โครงสร้างจะต้องรองรับ ( ตามมาตรฐานทางวิศวกรรมที่ได้ออกแบบไว้ )ขึ้นไปวางซึ่งสามารถกระทำได้ 3 วิธีคือ

1. ใช้ถุงปูนวางบนพื้นทดสอบ เพราะปูนแต่ละลูกจะมีน้ำหนักกำกับไว้แน่นอน

2. ใช้ถุงปูนบรรจุทรายวางบนพื้นทดสอบ ต้องคำนวณคร่าวๆว่า ทรายถุงหนักเท่าไร

3. กั้นพื้นบริเวณที่จะทดสอบและใส่น้ำลงไป วิธีนี้นอกจากใช้ทดสอบรอยร้าวแล้วยังทดสอบได้ว่าพื้นมีการรั่วซึมของน้ำหรือไม่

ถึงวิธีตรวจสอบจะมีอยู่ แต่การป้องกันไว้ก่อนด้วยการเอาใจใส่ ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง อย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำตั้งแต่ต้น เป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ครับ และในการทดสอบความแข็งแรงของพื้น ก็ต้องมีวิศวกรดูแลทุกครั้งด้วย




Read More:http://www.novabizz.com/CDC/Process10.htm
บทความที่เกี่ยวข้อง


โครงสร้างคอนกรีต


ใหม่กว่า เก่ากว่า